อาเซียนร่วมกับ UNFPA รุกป้องกันความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในโลกออนไลน์ ในแคมเปญระดับภูมิภาค “No Means No. Online Too.”
อาเซียนเปิดตัวการดำเนินการในระดับภูมิภาค เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (online GBV) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการนำของคณะกรรมาธิการอาเซียนเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ACWC) ซึ่งมี สปป.ลาว และประเทศไทยเป็นแกนนำ ร่วมกับคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี (ACW) ประเทศไทย และสำนักเลขาธิการอาเซียน ภายใต้แคมเปญระดับภูมิภาคเรื่องการต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศบนโลกออนไลน์ของอาเซียน “A Collective Call to Action—No Means No. Online Too.” (รวมพลังเพื่อหยุดความรุนแรง—ไม่ก็คือไม่ บนโลกออนไลน์เช่นกัน) มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดการร่วมลงมือป้องกันการละเมิดในรูปแบบดิจิทัล
การเปิดตัวแคมเปญตัวนี้จัดขึ้นควบคู่กับช่วง “16 วันแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ” โดยความร่วมมือกับ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) สำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก งานครั้งนี้มีผู้แทนกว่า 150 คนจากรัฐบาล องค์กรระดับภูมิภาค กลุ่มเยาวชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยดิจิทัล เข้าร่วมเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการตอบสนองอย่างสอดประสานต่อความรุนแรงบนโลกออนไลน์
ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศบนโลกออนไลน์ ตั้งแต่การล่วงละเมิดทางไซเบอร์ การสะกดรอยออนไลน์ การบิดเบือนข้อมูลเนื่องจากอคติทางเพศ ตลอดจนการเผยแพร่ภาพโดยไม่ได้รับความยินยอม และการบังคับข่มขู่ทางดิจิทัล กำลังส่งผลกระทบต่อผู้หญิง เด็กหญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศในภูมิภาคอาเซียนในระดับที่น่ากังวล งานวิจัยระบุว่า ผู้หญิงร้อยละ 16–58 ประสบกับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศบนโลกออนไลน์ ขณะที่ร้อยละ 85 เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว การกระทำเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และเศรษฐกิจ พร้อมสะท้อนรูปแบบเดียวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นนอกโลกออนไลน์
ดร.รัชดา ไชยคุปต์ ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรี และเป็นหนึ่งในผู้นำร่วมขับเคลื่อนแคมเปญ ระบุว่า ความริเริ่มครั้งนี้เกิดขึ้นจากการรวมรวบหลักฐานเชิงประจักษ์และการปรึกษาหารือมาหลายปี โดยการปรึกษาระดับภูมิภาคซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก UNFPA ได้นำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาร่วมประเมินภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นและร่วมออกแบบยุทธศาสตร์การสื่อสาร
การเปิดตัวแคมเปญในวันนี้ยังเป็นการเปิดตัวระดับชาติของประเทศไทยด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความพยายามในระดับภูมิภาคสามารถปรับใช้ในพื้นที่ได้ผ่านเครื่องมือแคมเปญฉบับภาษาไทย ทั้งนี้ ดร.รัชดาเน้นว่าการสอดประสานระหว่างการเปิดตัวในระดับภูมิภาค การปรับใช้ในระดับชาติ และการปรึกษาหารือก่อนหน้า ช่วยเสริมการบูรณาการด้านความปลอดภัยดิจิทัล การคำนึงถึงผู้พิการอย่างครอบคลุม การมีส่วนร่วมของเยาวชน และความร่วมมือข้ามภาคส่วนในช่วง 16 วันแห่งการรณรงค์
“ประเทศไทยภูมิใจยืนหยัดเคียงข้างอาเซียนในการขับเคลื่อนสารสำคัญนี้ การทำให้แคมเปญเป็นรูปธรรมในระดับท้องถิ่นช่วยให้ชุมชนและเยาวชนของเรารู้สึกมีพลัง กล้าที่จะลุกขึ้นพูดและลงมือปกป้องตนเองจากภัยออนไลน์” ดร.รัชดากล่าว
นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประเทศไทย เน้นย้ำว่า แคมเปญนี้มีเครื่องมือ เชิงปฏิบัติ อาทิ วิดีโอ สื่อสำหรับโซเชียลมีเดีย และภาพสร้างความตระหนักรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาราชการของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกส่งเสริมความปลอดภัยดิจิทัล เพิ่มการรับรู้ของสาธารณชน และสนับสนุนผู้เสียหายจากความรุนแรงให้เข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ แคมเปญยังตอกย้ำความสำคัญของการใช้พื้นที่ออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ การช่วยป้องกันหรือหยุดยั้งเหตุการณ์ความรุนแรงโดยคนรอบข้างหรือผู้เห็นเหตุการณ์ และความร่วมมือที่บูรณาการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นางสาวสิริลักษณ์ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ความรุนแรงในโลกออนไลน์ ก็คือความรุนแรงในชีวิตจริงที่สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจตลอดจนทรัพย์สินของผู้เสียหายได้ในระยะยาว การจัดการเคสความรุนแรงออนไลน์ยังคงเป็นความท้าทายสำหรับหลายประเทศในอาเซียน จึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการสื่อสาร เทคโนโลยี การบังคับใช้กฎหมาย สาธารณสุข และบริการสังคม ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กหญิงสามารถป้องกันได้ ทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันลงทุนในแนวทางที่มีประสิทธิผล และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ความก้าวหน้าที่จับต้องได้ก็จะเกิดขึ้นได้จริงในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับประชากรทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กผู้หญิง” นางสาวสิริลักษณ์กล่าว
แคมเปญนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย ครอบคลุม และเสริมพลังให้ผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน พร้อมกันนี้ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของ UNFPA ต่อความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและในประเทศไทย การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบาย และการตอบสนองที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางต่อความรุนแรงทั้งในโลกออนไลน์และในชีวิตจริง.











.jpg
)





No comments:
Post a Comment