บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประตูสู่อนาคตโลกยานยนต์ กับต้นแบบแห่ง การขับขี่ยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและยั่งยืน บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse - AutoFocusNewsZ

Breaking

Home Top Ad



Post Top Ad

Wednesday, October 8, 2025

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประตูสู่อนาคตโลกยานยนต์ กับต้นแบบแห่ง การขับขี่ยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและยั่งยืน บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประตูสู่อนาคตโลกยานยนต์ กับต้นแบบแห่ง

การขับขี่ยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและยั่งยืน บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse 

กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของโลกยานยนต์ด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่พร้อมให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงกรุงเทพฯ กับการเผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse ยนตรกรรมต้นแบบสุดล้ำที่สะท้อนแนวคิดของนวัตกรรมการขับขี่ที่ชาญฉลาดและยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง  สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมสัมผัสก้าวแรกสู่ยุคใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยูได้ใน งาน  BMW Road to Neue Klasse : The Neue New ที่จัดขึ้น ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในวันที่ 8-12 ตุลาคม 2568 นี้


บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse เป็นรถยนต์ที่สรรสร้างด้วยมุมมองใหม่ พลิกแนวคิดด้านการเดินทางในทุกมิติเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่พลังงานไฟฟ้าที่เหนือชั้นกว่าเดิมและยั่งยืนกว่าที่เคย พร้อมนำพาสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ที่เป็นหัวใจหลักของบีเอ็มดับเบิลยูให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น นับตั้งแต่งานออกแบบที่เรียบง่ายแต่สง่างาม ไปจนถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผสมผสานโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse เปี่ยมด้วยประกายของความคิดสร้างสรรค์ที่กลั่นกรองออกมาในรูปทรงที่คุ้นเคยของรถยนต์ซีดานทรงสปอร์ต แต่กลับถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกที่แตกต่างไปจากอดีตและปัจจุบันในแทบทุกด้าน

มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ต้นแบบที่มีนวัตกรรมแปลกใหม่ แต่เป็นภาพสะท้อนถึงแก่นแท้ของความเป็นบีเอ็มดับเบิลยู สืบทอดจิตวิญญาณของรถยนต์ Neue Klasse รุ่นดั้งเดิมจากช่วงทศวรรษ 1960 และต่อยอดมาสู่เทคโนโลยีแห่งอนาคตในยุคของการขับขี่อย่างยั่งยืนด้วยพลังงานไฟฟ้า วิสัยทัศน์ของเราสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ  ที่กำลังจะมาถึง ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงกระบวนการออกแบบและผลิตรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน ทุกรายละเอียด ที่ล้วนมุ่งขับเคลื่อนพันธกิจหลักของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปให้เป็นจริง ด้วยยานยนต์ที่ตอบโจทย์ของผู้ใช้งานจริงได้มากกว่า ชาญฉลาดกว่า และสานต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้มากกว่าที่เคย”


รูปลักษณ์ที่สะดุดตาของบีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse นับเป็นการเปิดตัวแนวทางการออกแบบใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยงานออกแบบที่สื่อถึงความสปอร์ตและปราดเปรียว ควบคู่ไปกับความนุ่มนวลที่สง่างาม บรรยากาศที่โปร่งสบายของตัวรถถูกขับเน้นขึ้นไปอีกด้วยสีตัวถัง Joyous Bright ซึ่งเป็นสีขาวสว่าง แต่งประกายโทนเหลืองอ่อนๆ ตัดกับโทนสีเข้มของชิ้นส่วนตกแต่งที่ทำจากวัสดุผสมลายหินอ่อน (Composite Marble) ด้านข้างตัวรถ มีเส้นสายทอดตามแนวยาวเพียงเส้นเดียว ช่วยดึงสายตาให้สังเกตเห็นจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่อยู่ในระดับต่ำ เสริมความปราดเปรียวในการขับขี่ไปอีกขั้น ขณะที่ซุ้มล้อกว้างช่วยเสริมความโดดเด่นบนท้องถนน และสื่อถึงพละกำลังเต็มพิกัดจากระบบการขับขี่พลังงานไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ


ด้านหน้าของ Vision Neue Klasse สดใหม่ด้วยการนำเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูอย่างกระจังหน้าทรงไตคู่ มาตีความด้วยมุมมองที่แตกต่าง โดยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ถูกหลอมรวมเป็นชิ้นเดียวกับไฟหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยไฟ

ดวงเล็กจำนวนมาก โดยแต่ละดวงสามารถตั้งค่าการส่องสว่างได้แยกจากกัน ติดตั้งอยู่ใต้ผิวหน้าที่เป็นกระจกให้เกิดเป็นดีไซน์ที่จับทุกสายตาด้วยความลึกจากชิ้นส่วนที่เล่นระดับ ส่วนไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) มาในรูปแถบไฟเฉียงบริเวณด้านข้าง ทำมุมตัดกับชุดไฟหน้าหลัก แนวคิดการออกแบบชุดไฟหน้านี้ยังถูกนำไปปรับใช้กับไฟท้าย ซึ่งประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนที่ผลิตจากการพิมพ์แบบสามมิติ เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่มีมิติและความลึกในลักษณะเดียวกัน


ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse ให้บรรยากาศที่เปิดกว้าง สว่าง พร้อมต้อนรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน ด้วยพื้นผิวที่สะอาดตาในทุกองค์ประกอบ ปราศจากการตกแต่งด้วยโครเมียมหรือหนัง ทั้งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างรูปโฉมที่ล้ำสมัยเหนือกาลเวลาไปพร้อมกัน แผงคอนโซลหน้ามาในโทนสีสว่าง เข้ากันกับพวงมาลัยทรงตัดขอบบน-ล่างและจอแสดงผล Central Display แบบ OLED ที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางได้เป็นอย่างดี ทั้งยังกลมกลืนไปกับดีไซน์ของคันเกียร์และจุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย หัวใจสำคัญของห้องโดยสารโฉมใหม่นี้คือ เทคโนโลยี BMW Panoramic Vision ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุม BMW iDrive รุ่นใหม่ โดยเทคโนโลยีนี้สามารถฉายข้อมูลสำคัญไปยังระดับสายตาของผู้ขับขี่ ด้วยพื้นที่การแสดงผลที่ทอดยาวไปตลอดความกว้างของกระจกหน้ารถ ทั้งยังเปิดให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเบาะหน้าสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่แสดงผลอยู่ จึงเกิดเป็นประสบการณ์การใช้งานร่วมกันที่ไม่เหมือนใคร โดยสามารถถ่ายโอนเนื้อหาจากจอแสดงผลกลางไปยัง BMW Panoramic Vision ได้อย่างอิสระ


ในด้านการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้านนวัตกรรม ด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive เจนเนอเรชันที่ 6 ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงในรูปแบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ เซลล์แบตเตอรี่แบบกลมที่พัฒนาขึ้นใหม่ จัดเก็บพลังงานได้หนาแน่นกว่าแบตเตอรี่รุ่นปัจจุบันถึง 20% โดยรวมแล้ว ระบบส่งกำลังของรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้สามารถเพิ่มระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 30% ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นสูงสุด 30% และเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานของตัวรถในภาพรวมให้สูงขึ้น 25%


นอกจากระบบส่งกำลังแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse ยังขับเคลื่อนด้วยชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์สมรรถนะสูงจำนวน 4 ชุดที่ทำหน้าที่ควบคุมฟังก์ชันสำคัญต่างๆ ของตัวรถ โดยเมื่อนับรวมกันแล้ว ชุดควบคุมทั้ง 4 มีสมรรถนะในการคิดคำนวณที่สูงกว่าระบบในรถยนต์รุ่นปัจจุบันถึง 20 เท่าตัว ทั้งนี้ หนึ่งใน 4 ชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ใน Vision Neue Klasse มีชื่อว่า “Heart of Joy” และเป็นชุดควบคุมที่ทำหน้าที่ควบคุมการส่งกำลังและการควบคุมตัวรถ นับตั้งแต่มอเตอร์ไฟฟ้า เบรก การหมุนเวียนพลังงาน และฟังก์ชันบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวงมาลัย โดย “Heart of Joy” จะทำการคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่จากทุกระบบ ทุกฟังก์ชัน และช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ยิ่งเหนือชั้น ด้วยการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วกว่าที่เคย และสามารถตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้โดยตรงยิ่งขึ้น


อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของนวัตกรรมดิจิทัลใน บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse คือระบบการเดินสายไฟเชื่อมโยงชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถ ซึ่งผ่านการออกแบบและพัฒนามาให้ลดความซับซ้อนลงในทุกมิติ ออกมาเป็นสถาปัตยกรรมการเดินสายไฟแบบแบ่งโซน (Zonal Wiring Harness Architecture) ซึ่งช่วยลดความยาวของสายไฟ ลง 600 เมตร และลดน้ำหนักสายไฟลงไปอีก 30% เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นก่อนๆ ชุดสายไฟต่างๆ ในระบบนี้จะถูกแบ่งออกเป็นโซนตามตำแหน่งภายในตัวรถ ทั้งด้านหน้ารถ กลางตัวรถ ท้ายรถ และบริเวณหลังคา โดยชุดควบคุมอิเล็คทรอนิกส์สมรรถนะสูงทั้ง 4 จะใช้การเชื่อมต่อข้อมูลแบบความเร็วสูงบริหารจัดการและรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในโซนนั้นๆ จึงทำให้การเดินสายไฟเชื่อมโยงอุปกรณ์ทั้งหมดแบ่งออกตามโซนได้อย่างชัดเจน สามารถลดทั้งความยาว ความหนา และน้ำหนักของสายไฟที่นำมาใช้ได้


“การนำยนตรกรรมต้นแบบรุ่นสำคัญนี้มาจัดแสดงในกรุงเทพฯ นับเป็นการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ให้กลายเป็นคำมั่นสัญญาที่มั่นคงยิ่งขึ้น ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ด้วยตนเอง นวัตกรรมล่าสุดที่อยู่ในบีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse จะเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้าสู่สายการผลิตและเปิดตัวออกสู่ตลาดทั่วโลกในอีกไม่นาน” มร. แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริม

ขอเชิญทุกท่านร่วมสัมผัสยานยนต์ต้นแบบแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse ด้วยตัวเองที่โซน “Road to Neue Klasse” ณ ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 12 ตุลาคมนี้ โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมและเลือกวัน-เวลาที่ต้องการได้ ที่นี่ นอกจากนี้ ผู้สนใจยังสามารถเพลิดเพลินไปกับงานออกแบบสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของบีเอ็มดับเบิลยู โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า


สามารถดาวน์โหลดภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://bmwgroupthpress.com/articles/bmw-vision-neue-klasse/

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages