เอ็มจี ปักธงขึ้นท็อป 3 ในทศวรรษที่ 2 พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าสู่คนรุ่นใหม่
จากการถือกำเนิดของแบรนด์เอ็มจีในสหราชอาณาจักรเมื่อปี
2467 (ค.ศ.1924)
ปีนี้จึงมีวาระสำคัญของครบรอบ 100 ปี
จึงสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว
และเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับวงการยานยนต์ระดับโลก เป็นที่ยอมรับ
และเชื่อมั่นจากนานาประเทศ
นับตั้งแต่เอ็มจีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีรถเอ็มจี หลากหลายรุ่นโลดแล่นอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า 200,000 คัน เต็มเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัย ความคุ้มค่า และมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับคนไทย โดยเฉพาะการเป็นผู้เบิกทางให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้เข้าสู่ตลาดยานยนต์ไทย ควบคู่ไปกับการสร้าง EV ECOSYSTEM ให้สมบูรณ์เพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมอีวี และเป็นแบรนด์แรกที่วางหมุดกระจายสถานีชาร์จเร็วอย่าง MG SUPER CHARGE ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันมีสถานีที่พร้อมใช้งานมากถึง 146 สถานี
มร. ซู๋ว์ หยิ่น (กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์)
มร.
ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี
มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า
“สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา
ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัวจากปัจจัยต่างๆ แต่ SAIC
Motor Corporation มียอดขายรถยนต์รวมกว่า 5.02 ล้านคัน โดยยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่
18 ด้วยศักยภาพในการส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลกกว่า 1.208 ล้านคัน มีอัตราการเติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปี 2565
และมีปริมาณยอดขายรถยนต์ New Energy มากกว่า 1.123
ล้านคัน เติบโตถึง 4.6% โดย MG ZS
เป็นรถที่ส่งออกจากประเทศจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่ง
มียอดส่งออกกว่า 201,874 คัน ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า MG4
ELECTRIC ที่สร้างความสำเร็จในตลาดทั่วโลกและเป็นโกลบอลโมเดลขวัญใจของคนไทย
มียอดส่งออกกว่า 138,736 คัน และ MG5 มียอดส่งออกกว่า 109,431 คัน ส่งผลให้ SAIC
Motor Corporation ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ
ของประเทศจีน
เอ็มจี
ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยความเป็นโกลบอลแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ทะยานสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ ติดอันดับท็อป 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
มร.
ซู๋ว์ หยิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี
และทศวรรษที่สอง เอ็มจี
เตรียมแผนที่จะยกระดับแบรนด์ด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีในหลากหลายรูปแบบการขับเคลื่อน
อีกทั้งยังเตรียมแผนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม
อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับหมุดหมายใหม่ของ เอ็มจี
นอกจากนั้นยังมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายขุมพลังขับเคลื่อนเข้าสู่ตลาดโดยมุ่งเน้นกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือกเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เทียบเท่าระดับสากลโลก(New Energy, Intelligent, Internationalization) รวมไปถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนไทยได้มากขึ้น สอดคล้องกับความตั้งใจของแบรนด์ที่พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ Net Zero ผ่านนโยบาย EV 3.5 นำทัพโดย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นผลิตในประเทศไทย รวมถึงรถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าอย่าง MG CYBERSTER นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเติมสีสันในตลาดรถเก๋งขนาดเล็กอีก 1 รุ่น
และเพื่อให้สอดรับกับกระแสอีวี เอ็มจีเตรียมนำเสนอมิติใหม่ของโชว์รูมด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการ เอ็มจี อีวี โชว์รูม (MG EV Showroom) ที่จะมุ่งเน้นนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในปัจจุบันอย่าง MG MAXUS9 รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับโมเดลอื่น ๆ ที่เตรียมเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยด้วย”
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ (รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด)
ด้าน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2566 ที่ผ่าน
เอ็มจีมียอดขายรวมอยู่ที่ 27,311 คัน มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้า
และรถยนต์สันดาป แบ่งเป็นสัดส่วนอย่างละครึ่ง โดย MG5 ครองแชมป์ยอดขายสูงสุด จำนวน 6,419 คัน ตามด้วย MG4
ELECTRIC จำนวน 5,615 คัน MG EP
จำนวน 4,717 คัน MG ZS จำนวน 2,534 คัน MG VS HEV จำนวน 2,071 คัน MG ZS EV จำนวน 1,354 คัน MG HS และ
MG HS PHEV จำนวน 1,373 คัน MG
MAXUS 9 จำนวน 1,284 คัน MG
ES และ MG EXTENDER จำนวนรวม 1,943
คัน และครองส่วนแบ่งทางการตลาด ประมาณ 4%
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา
เอ็มจี
วางแผนเพิ่มศักยภาพรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอน
รวมถึงการลงทุนสร้างและขยายพื้นที่ NEW
ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อผลิตแบตเตอรี่อีวีแห่งแรกในอาเซียน หลังจากนี้ เอ็มจี
ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และ พัฒนาผลิตภัณฑ์
นวัตกรรมยานยนต์ให้เทียบเท่าระดับโลกตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ยกระดับการทำงานในทุกด้านบริการผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีกว่า
150 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้ลูกค้าคนไทย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร.
1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
No comments:
Post a Comment